วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

Porsche

Porsche Automobile Holding   ก่อตั้งเมื่อ 1931
ผู้ก่อตั้ง เฟอร์ดินาน ปอเช่ เจ้าของ ตะกูลปอเช่การ์ตาร์ อินเวสท์เม้นท์ เออร์โทริตี้ (10%)
สำนักงานใหญ่ ชตุทท์การ์ท,เยอรมนี    พื้นที่ที่ให้บริการ ทั่วโลก
บุคลากรหลัก วูฟกัง ปอเช่, ประธานมาร์ติน วินเทอร์ครอน, ประธาน & ซีอีโอ
อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมยานยนตร์ ผลิตภัณฑ์ รถยนต์ บริการ รถยนต์ , บริการด้านเซอร์วิสเครื่องยนตร์
รายได้ €10,928;ล้าน (งบประมาณปี 2011) รายได้จากการดำเนินงาน €2,045 ล้าน (งบประมาณปี 2011)
จำนวนพนักงาน 12,202 (2007)
บริษัทในเครือ
Porsche Zwischenholding GmbH
Volkswagen AG
Porsche AG
เว็บไซต์ Porsche-SE.com

     ปอร์เช่ (เยอรมัน: Porsche) เป็นยี่ห้อรถยนต์ของเยอรมัน ผลิตโดยบริษัท Porsche Automobil Holding SE จำกัด ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 โดย ดร.เฟร์ดินัน ปอร์เช่ (Ferdinand Porsche) วิศวกรชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท DR.ING.H.V. PORSCHE AG และผลิตรถยนต์จำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1948 และใช้ตราประจำเมืองชตุทท์การ์ท(STUTTGART)ที่เป็นที่ตั้งโรงงานเป็นสัญลักษณ์ปอร์เช่ 911(997)ปัจจุบันได้ผลิตรถยนต์ เช่น Porsche 911 (991), Boxster, Cayman, Cayenne ล่าสุดคือ Panamera saloon (sedan) 4 ประตู ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2009
S0urce: http://th.wikipedia.org/w/index.php?title= ปอร์เช่ &oldid=4493408".

 Ferrari S.p.A.
ก่อตั้งเมื่อ  ค.ศ. 1947สำนักงานใหญ่ มาราเนลโล , ประเทศอิตาลี
บุคลากรหลัก   เอ็นโซ เฟอร์รารี่ (ผู้ก่อตั้ง)แมตเตโอ ดิ มอนเตเซโมโล (ประธานบริษัท)
ปีเอโร เฟอร์รารี่ (รองประธาน)อาเมเดโอ เฟลิซา (ซีอีโอ)Giancarlo Coppa (ซีเอฟโอ)
รายได้   2,695 ล้าน
เฟอร์รารี่ เป็นบริษัทผลิตรถ จากมาราเนลโล ประเทศอิตาลีก่อตั้งในปี 1929 โดย นาย เอ็นโซ เฟอร์รารี่เป็นผู้ก่อตั้ง และได้มาก่อตั้งใหม่ในปี 1947 เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชื่อดัง ที่มีจำหน่ายทั่วโลก โดยคู่แข่งทางการค้าคงหนีไม่พ้น ค่าย กระทิงดุ ลัมโบร์กีนีซึ่งรถสัญชาติเดียวกัน มีสีประจำยี่ห้อ คือ สีแดง เฟอร์รารี่เป็นผู้ได้รับการบันทึกไว้สำหรับการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในความสำเร็จกับรถสูตรหนึ่งโดยสปอนเซอร์รายใหญ่ของเฟอร์รารี่ คือ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ชื่อ เซลล์ รถเฟอร์รารี่มีฉายาที่คนไทยรู้จักกันดีว่า ม้าลำพองสำหรับรุ่นต่างๆ ของเฟอรร์รารี่ ได้แก่ แคลิฟอเนีย , 458 อิตาเลีย , เอฟ 12 เบริเนตต้า , เอฟเอฟ , เอ็นโซ , เอ็ฟ 430 เป็นต้น


 S0urce: http://th.wikipedia.org/w/index.php?title= เฟอร์รารี่ &oldid=4493408".
                                   Cooper

มินิคูเปอร์และคูเปอร์เอส : 1961-2000   
   ออสตินมินิคูเปอร์เอส ปี 1963เพื่อนของอิซซิโกนิสที่ชื่อ จอห์น คูเปอร์ เจ้าของบริษัทคูเปอร์คาร์ และยังเป็นนักออกแบบ รวมถึงผู้สร้างรถแข่งขัน เห็นแนวโน้มของมินิ อิซซิโกนิสในตอนแรกไม่เต็มใจที่จะเห็นรถมินิในการแข่งขัน แต่หลังจากที่จอห์น คูเปอร์ได้ขอร้องทางบีเอ็มซีแล้ว ก็มีการร่วมงานกันผลิตมินิคูเปอร์ ที่มีความว่องไว ประหยัด และเป็นรถที่ไม่แพง รถออสตินมินิคูเปอร์และมอร์ริสมินิคูเปอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1961รถมอร์ริส มินิ-ไมเนอร์ ดั้งเดิมมีขนาดเครื่องยนตร์ 848 ซีซี จนได้เพิ่มมาเป็น 997 ซีซี สามารถเร่งเครื่องจาก 34 บีเอชพี (แรงม้า) ไป 55 บีเอชพี (25 ไป 41 กิโลวัตต์)[8] รถยังมีเครื่องปรับ ,SU carburetor, เกียร์ closer-ratio และดิสก์เบรกหน้า ซึ่งเป็นสิ่งไม่ธรรมดาในรถเล็กตอนนั้น และออกแบบให้มาผ่านกฎโฮโมโลเกชัน สำหรับรถกรุ๊ป 2 ในการแข่งขันแรลลี ต่อมารถ 997 ซีซี เปลี่ยนมาเป็น 998 ซีซีในปี 1964มินิคูเปอร์ รุ่นที่มีพละกำลังมากขึ้น จะมีคำว่า "เอส" (S) ได้พัฒนาและออกในปี 1963 ประกอบด้วยเครื่องยนตร์ 1071 ซีซี มีดิสก์เบรกที่เสริมแรงขึ้นมา มีคูเปอร์เอสจำนวน 4,030 คัน ผลิตขึ้นมาและขายจนมีการปรับปรุงในเดือนสิงหาคม 1964 และคูเปอร์ก็ยังคงผลิตขึ้นมาเพื่อการแข่งขัน ด้วยเครื่องยนตร์ 970 ซีซีและ 1275 ซีซี ทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์มีเสนอขายในสาธารณะ แต่เครื่องยนต์ที่เล็กกว่ากลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก รุ่น 1275 ซีซี คูเปอร์เอสผลิตออกมาจนถึงปี 1971
      ยอดขายมินิคูเปอร์มียอดดังนี้ มาร์กวันคูเปอร์ ขายได้ 64,000 คันกับรุ่นเครื่องยนต์ 997 และ 998 ซีซี ; มาร์กวันคูเปอร์เอสขายได้ 19,000 คันกับรุ่นเครื่องยนต์ 970 ,971, 1071 หรือ 1275 ซีซี; มาร์กทูคูเปอร์ขายได้ 16,000 คัน กับรุ่นเครื่องยนต์ 998 ซีซี; มาร์กทูคูเปอร์เอสขายได้ 6,300 คัน กับรุ่นเครื่องยนต์ 1275 ซีซี และมาร์กทรีคูเปอร์เอส ขายได้เพียง 1,570 คัน
      มินิคูเปอร์เอสได้รับชัยชนะในการแข่งขันมอนเตการ์โล ในปี 1964, 1965 และ 1967[23] และในปี 1966 รถมินิสามารถครองทั้งอันดับ 1 อันดับ 2 และอันดับ 3 แต่ก็ถูกปรับแพ้ไปหลังจากข้อขัดแย้งจากคณะกรรมการชาวฝรั่งเศส เนื่องจากความหลากหลายของไฟส่อง แทนที่จะใช้แทนที่จะใช้ไฟ 2 ไส้[24] ในขณะที่มีการพูดถึงว่ารถซีตรองดีเอสที่ได้ที่หนึ่ง แต่ใช้ไฟขาวก็ยังรอดจากการปรับแพ้ไปได้ ทำให้ผู้ขับรถซีตรอง Pauli Toivonen ได้รับถ้วยไปและเขาปฏิญาณไว้ว่าจะไม่มาขับซีตรองอีกครั้ง[25] แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทบีเอ็มซีก็ยังได้โด่งดังเพิ่มขึ้นหลังจากถูกปรับแพ้มากกว่าที่พวกเขาชนะเสียอีก[26] แต่ถ้าไม่รวมก็ถูกปรับแพ้ ก็ถือเป็นรถประเภทเดียวในประวัติศาสตร์ที่อยู่ใน 3 อันดับแรกของการแข่งขันมอนเตการ์โล 6 ปีติดต่อกัน
S0urce:http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=   มินิคูเปอร์ &oldid=4493673".


BMW

 สำนักงานใหญ่บีเอ็มดับเบิลยูบีเอ็มดับเบิลยู (BMW ย่อจาก ภาษาเยอรมัน: Bayerische Motoren Werke ; อังกฤษ: Bavarian Motor Works)(บาวาเลีย มอเตอร์วอคส์) เป็นบริษัทผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของเยอรมนี ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) และเป็นบริษัทแม่ของมินิ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูซื้อมาจากโรเวอร์ รถในระดับที่ทัดเทียมกับบีเอ็มดับเบิลยู เช่น แอคิวรา อัลฟาโรมีโอ เอาดี้ คาดิลแลก อินฟินีตี จากัวร์ เลกซัส ลิงคอล์น เมอร์เซเดส-เบนซ์ วอลโว ซาบ ปอร์เช่ เป็นต้น
รุ่นต่างๆของ BMWSeries  (ซีรีส์)
1 Series (E81) (2004–present) Hatchback, coupe and convertible
3 Series (E90) (2005–present) Sedan, coupe, convertible and wagon
5 Series (F10) (2010–present) Sedan and Wagon
5 Series Gran Turismo (2009–present) Progressive Activity Sedan
6 Series (F12) (2010–present) Coupe and convertible
7 Series (F01) (2008–present) Sedan
X series
X1 (2009–present) Compact Crossover SUV/Sports Activity Vehicle (SAV)
X3 (F25) (2010–present) Compact Crossover SUV/Sports Activity Vehicle (SAV)
X5 (E70) (2006–present) Compact Crossover SUV/Sports Activity Vehicle (SAV)
X6 (2008–present) Sports Activity Coupe
Z series
Z4 (E89) (2009–present) Sports Roadster
S0urce:http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=บีเอ็มดับเบิลยู&oldid=4493673".

Jaguar
บริษัทแม่ : ทาทามอเตอร์ส ประเภท: บริษัทลูก
ก่อตั้งเมื่อ: พ.ศ. 2465 (ในชื่อ Swallow Sidecar Company)
ผู้ก่อตั้ง :Sir William Lyons สำนักงานใหญ่ : โคเวนทรี อังกฤษ, สหราชอาณาจักร
ประธานบริษัท:เดวิด สมิธ, ซีอีโอ บุคลากรหลัก: ราทัน ทาทา
อุตสาหกรรม: รถยนต์ ผลิตภัณฑ์: รถยนต์หรู
จำนวนพนักงาน ประมาณ 10,000 คน
เว็บไซต์ www.jaguar.com
จากัวร์ (อังกฤษ: Jaguar Cars Ltd) เป็นชื่อบริษัทผลิตรถยนต์ระดับหรูของสหราชอาณาจักร มีฐานการผลิตที่เมืองโคเวนทรี ในอังกฤษก่อนหน้านี้จากัวร์เป็นกิจการในเครือฟอร์ดมอเตอร์ (ฟอร์ดซื้อกิจการจากัวร์ในปี พ.ศ. 2532แต่ในปัจจุบันทาทามอเตอร์ส ได้เข้าถือครองหุ้นส่วนใหญ่ในกิจการรถยนต์จากัวร์ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ประวัติก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2465 ที่เมืองแบล็คพูลในอังกฤษ ในนาม Swallow Sidecar Company โดยชายผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์สองคน คือ William Lyons และ William Walmsley ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 บริษัทได้ย้ายไปที่เมืองโคเวนทรี และเปลี่ยนชื่อบริษัท โดยย่อชื่อลงเป็น SS Cars Ltd รถยนต์คันแรกที่ใช้ชื่อจากัวร์เป็นรถเก๋งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ผลิตในปี พ.ศ. 2478 บริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อจากัวร์เป็นชื่อบริษัทในปี พ.ศ. 2488 หลังจากที่ชื่อเสียงของบริษัท SS นั้นเริ่มถดถอยลง ประกอบกับเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นในช่วงเวลานั้น
 จากัวร์เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงทศวรรษที่ 1950 ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์หรูและรถสปอร์ต บริษัทได้ซื้อกิจการของรถยนต์ยี่ห้อเดมเลอร์ (คนละอย่างกันกับบริษัทเดมเลอร์ เอจี ของเยอรมัน) มาจาก Birmingham Small Arms Company (BSA) ในปี พ.ศ. 2503 และใช้ยี่ห้อเดมเลอร์เป็นยี่ห้อของรถยนต์ที่มีความหรูหรามากกว่ารถจากัวร์
S0urce: http://www.jaguar.com/uk/en/company/overview/heritage/1989_1996.htm.
              -http://th.wikipedia.org/w/index.php?title=จากัวร์_(รถยนต์)&oldid=4500348".
สปอร์ต


แม็คคลาเรน (McLaren) ยักษ์ใหญ่เจ้าความเร็วจากประเทศอังกฤษแล้ว ผู้ที่ซื้อรถจากบริษัทนี้มาครอบครองไว้ ต้องมีฐานะทางการเงินที่ดีอยู่ในระดับหนึ่งกันเลย เช่นเดียวกับรถรุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ "McLaren X1" ที่ทางบริษัทได้ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเศรษฐีลึกลับที่ไม่ยอมเผยชื่อให้ทราบ แถมรถคันนี้ยังมีเพียงแค่คันเดียวในโลกด้วย 
   จากการเปิดเผยของพอล แม็คเคนซี่ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนารถยนต์จาก McLaren (MSO) ได้กล่าวไว้ว่า ลูกค้าท่านหนึ่งซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าของรถตระกูล McLaren ไว้ครอบครองบ้างแล้วบางส่วน ไล่ตั้งแต่ McLaren F1 , Mercedes-Benz SLR McLaren และ McLaren MP4-12C รุ่นล่าสุด ได้ขอให้ทางบริษัทผลิตรถ McLaren X-1 ไปตั้งแต่ 3 ปีก่อนกับทางประธานบริหารบริษัท รอน เดนนิส โดยต้องการให้มีสมรรถนะเทียบเท่ารุ่น 12C แต่ขอให้มีชุดตัวถังซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบที่ไม่เหมือนใครให้กับเขาเป็นพิเศษ
       ทางด้านนายพอล และผู้อำนวยการด้านการออกแบบ แฟร้งค์ สตีเฟนสัน ได้หารือกับลูกค้าแล้วได้ข้อสรุปว่า รถยนต์คันนี้จะมีการผสมผสานรถดีไซน์คลาสสิคอย่าง Facel Vega รุ่นปี 1961, Chrysler D'Elegance รุ่นปี 1953, Buick Electra รุ่นปี 1959, Mercedes-Benz 540K รุ่นปี 1939 และ Citroen SM จากรุ่นปี 1971 รวมทั้งนำเอาแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากสถาปัตยกรรมและอื่น ๆ อย่าง Guggenheim museum ในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, ดีไซน์นาฬิกาของ Jaeger LeCoultre, ปากกาจาก Thomas Mann Montblanc เป็นต้น
      นอกจากนี้ทางลูกค้ายังให้นักออกแบบจากบริษัท McLaren และบริษัทอื่นทำแบบรถออกมาหลาย ๆ สไตล์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการเลือก ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกดีไซน์ของ ฮง เหยา จากทาง McLarem เอง มาใช้ในการผลิตรถรุ่นดังกล่าว โดยตัวถังรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ โทนสีดำเมทัลลิก ไฟหน้าและไฟท้ายทำได้อย่างสวยงามไม่เหมือนใคร พร้อมล้ออัลลอยด์และประตูรถแบบปีกนกที่สะดุดตา ภายในห้องโดยสารเป็นแบบเดียวกับรุ่น MP4-12C มี 2 ที่นั่ง แต่ตกแต่งด้วยหนังจาก Harissa Red McLaren Nappa ร่วมด้วย อลูมิเนียม, คาร์บอน และไทเทเนียม
        ด้านขนาดนั้นตัวรถยาว 4,616 มิลลิเมตร กว้าง 2,097 มิลิเมตร สูง 1,999 มิลิเมตร น้ำหนัก 1,400 กิโลกรัม โดยขุมกำลังอื่น ๆ นั้นเทียบเท่ากับรุ่น MP4-12C รวมไปถึงเครื่องยนต์แบบ V8 ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 616 แรงม้าอีกด้วย และหลังจากที่นำรถไปโชว์ในงาน Pebble Beach Concours d'Elegance ที่เมืองมอนเทอเรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา McLaren X-1 คันนี้ จะถูกส่งกลับไปเช็คสภาพเพิ่มเติมกับทางบริษัทก่อนที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าเศรษฐีลึกลับรายนี้ต่อไป ซึ่งทางบริษัท McLaren ก็ไม่ยอมเปิดเผยราคาของรถแต่งคันงามคันนี้ให้ทราบด้วยเช่นกัน
S0urce:   http://th.wikipedia.org/w/index.php?title= สปอร์ต oldid=4500358".     




10 อันดับ รถยนต์แพงที่สุดประจำปี 2012
อันดับที่ 10 พอร์ช 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder)
รถสปอร์ต (ไฮบริด) สายพันธุ์เยอรมันคันนี้ มีราคาจำหน่าย $845,000  (กว่า 26 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3.4 ลิตร ขุมพลัง 500 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวที่ให้ขุมพลัง 218 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.1 วินาที
อันดับที่ 9 เอสเอสซี ทัวทาร่า (SSC Tuatara)
รถสปอร์ตสัญชาติอเมริกันคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.8 ลิตร ให้ขุมพลังเต็มเปี่ยมที่ 1,350 แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที  ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ  $970,000  (กว่า 30 ล้านบาท)
อันดับที่ 8 เฮนเนสซี่ย์ เวนอม จีที (Hennessey Venom GT)
รถยนต์อเมริกันคันนี้มีค่าตัวราว $1 ล้าน (กว่า 31 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,200  แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.5 วินาที
อันดับที่ 7 ปากานี่ ไวร่า (Pagani Huayra)
รถยนต์สปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้มีค่าตัว $1.3 ล้าน (เกือบ 41 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 ของเมอร์เซเดส เบนซ์ ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.5 วินาที
อันดับที่ 6 มายบัค แลนเดาเล็ต (Maybach Landaulet) 
รถเปิดประทุนสุดหรูจากเยอรมนีคันนี้ มีค่าตัว $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) ใช้เครื่องยนต์ V12 620  แรงม้า อัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 5.2 วินาที
อันดับที่ 5 แอสตัน มาร์ติน วัน-77 (Aston Martin One-77 )
ซูเปอร์คาร์เมืองผู้ดีคันนี้มีค่าตัวเท่ามายบัค แลนเดาเล็ตที่  $1.4 ล้าน (เกือบ 44 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.3 ลิตร ที่ให้พลัง 750 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 3.7  วินาที
อันดับที่ 4 คอนิกเส็กก์ อาเกียร่า อาร์ (Koenigsegg Agera R)
ซูเปอร์คาร์จากประเทศสวีเดนคันนี้ ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่มาพร้อมขุมพลัง 1,115 แรงม้า  โดยมีอัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที ค่าตัวอยู่ที่  $1.7 ล้าน (กว่า 53 ล้านบาท) และถ้าอยากได้เวอร์ชั่นคาร์บอนไฟเบอร์ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก  $270,000  (เกือบ 8.5 ล้านบาท)
อันดับที่ 3 เซนโว เอสที วัน (Zenvo ST1)
รถสปอร์ตสุดหรูจากประเทศเดนมาร์กคันนี้ มีค่าตัวสูงถึงคันละ $1.8 ล้าน (กว่า 56 ล้านบาท) โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขุมพลัง 1,250 แรงม้า อัตราเร่งตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที
 อันดับที่ 2 เฟอร์รารี่ 599 เอ็กซ์เอ็กซ์ (Ferrari 599XX)
สุดยอดรถสปอร์ตสายพันธุ์อิตาลีคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ให้ขุมพลัง 700 แรงม้า และมีอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.9  วินาที ค่าตัวของรถรุ่นนี้ไม่มีการประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ แต่ลือกันว่าน่าจะมากกว่า $2 ล้าน (มากกว่า 63 ล้านบาท) เห็นค่าตัวแพงขนาดนี้ ขอบอกว่านำมาวิ่งบนท้องถนนไม่ได้ (ต้องซิ่งในสนามแข่งรถเท่านั้น) ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ทางเฟอร์รารี่จะจำหน่ายให้กับผู้ที่ได้รับคำเชิญ (ให้ไปซื้อ) เท่านั้น
อันดับที่ 1  บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต (Bugatti Veyron Supersport)
สุดยอดรถยนต์จากแดนน้ำหอม บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ตมาพร้อมค่าตัวที่สูงถึง  $2.6 ล้าน (กว่า 81 ล้านบาท) รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ W16 ที่ให้ขุมพลังสูงถึง 1,200  แรงม้า และมีอัตราเร่งสูงสุดตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (0-100 ก.ม./ช.ม.) ภายในเวลา 2.4  วินาที